ตั้งแต่เด็ก เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องความเชื่อ แปลกๆ ประหลาดๆ อย่างเช่น ถ้าชี้ดาวนิ้วจะกุด, ห้ามตัดเล็บตอนกลางคืนเดี๋ยวผีจะมาหลอก, เวลากินข้าวอย่าเคาะจานชามเดี๋ยวผีจะมากินข้าวด้วย และอื่นๆ อีกสารพัด แต่จริงๆ แล้วความเชื่อเหล่านี้ คือ กุศโลบาย หรือ กลอุบาย ที่ผู้ใหญ่ใช้เพื่อให้เด็กรู้สึกกลัว เพราะความเป็นห่วงในเรื่องของการใช้ชีวิต มารยาท และสุขภาพของลูกหลาน
วันนี้ เราจะขอรวบรวมเอาความเชื่อจากกุศโลบายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ที่บางอันก็ช่างคิดได้มาให้ทุกคนได้อ่านกัน
1. ห้ามร้องเพลงขณะทานอาหาร เพราะจะทำให้ได้แฟนแก่?
เป็นความเชื่อที่ไม่สมเหตุสมผลสุดๆ ที่การทานอาหารจะเกี่ยวข้องกับการมีแฟน แต่กลับมีคนเชื่อ โดยเฉพาะสาวๆ ซึ่งข้อเท็จจริงในกุศโลบายนี้เป็นเพราะ การร้องเพลงขณะทานอาหาร อาจจะทำให้เกิดการสำลัก หรือ เศษอาหารอาจกระเด็นออกจากปาก
2. ถ้านอนกิน ชาติหน้าจะเกิดเป็นงู?
ความเชื่อนี้อ้างอิงจากธรรมชาติของงู ที่เวลากินเหยื่อจะกินในลักษณะนอนราบกับพื้น ซึ่งฟังดูสมเหตุสมผล แต่จริงๆ แล้ว การนอนกินอาหารจะทำให้เกิดอันตรายการจากการสำลักได้
3. แอบดูคนอาบน้ำ ระวังจะเป็นตากุ้งยิง? หรือ ดูคนโป๊ ระวังจะเป็นตากุ้งยิง?
ถือว่าเป็นความเชื่อที่ฝังหัวคนในทุกช่วงวัยเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าเราจะเป็นตากุ้งยิงจากสาเหตุอะไร ก็จะมีคนล้อว่า “ไปแอบดูใครอาบน้ำมาหรือเปล่า?” ซึ่งจริงๆ แล้วความเชื่อนี้มีที่มาจากการแอบดูคนอาบน้ำจริง เวลาที่เราจะแอบดูใครสักคนอาบน้ำก็ต้องมองผ่านช่อง หรือรูเล็กๆ ข้างห้องน้ำ ทำให้บริเวณรอบดวงตาได้รับสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคเข้า จนทำให้เกิดอาการตากุ้งยิงนั่นเอง
4. ห้ามตัดเล็บตอนกลางคืน ไม่อย่างนั้นผีจะมาหลอก หรือ วิญญาณบรรพบุรุษจะอยู่ไม่เป็นสุข?
จริงๆ แล้วการตัดเล็บตอนกลางคืนไม่ได้ส่งผลให้ผีตามมาหลอก หรือกระทบต่อวิญญาณบรรพบุรุษ แต่เนื่องจากในสมัยก่อนไฟฟ้ายังไม่สว่างไสวเท่าปัจจุบัน ทำให้การตัดเล็บตอนกลางคืนอาจจะเกิดการบาดเจ็บได้
5. ถ้าร้องเพลงขณะอาบน้ำจะได้แฟนแก่?
การร้องเพลงขณะอาบน้ำนั้นถือว่าเป็นกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายได้ดีเลยทีเดียว และแน่นอนว่าไม่ได้สัมพันธ์อะไรกับช่วงอายุของแฟนในอนาคต แต่ความเชื่อนี้เกิดจากการที่ผู้ใหญ่ไม่อยากให้เด็กๆ อาบน้ำนาน หรือถ้าหากร้องไปเต้นไปด้วยขณะอาบน้ำ ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้
6. ถ้ากลืนเมล็ดผลไม้เข้าไป มันจะงอกและโตอยู่ในท้อง?
เนื่องจากเวลากินผลไม้ที่เมล็ด เช่น แตงโม ส้ม องุ่น ฯลฯ เด็กจะชอบเผลอกลืนเมล็ดเข้าไป ซึ่งอาจเพราะขี้เกียจหรือไม่รู้ว่าต้องคายทิ้ง ผู้ใหญ่จึงต้องสร้างกุศโลบายนี้เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดจากการสำลัก หรือเมล็ดติดคอ
7. เทวดาจะคุ้มครองบ้านที่หมั่นปัดกวาดเช็ดถู?
เป็นความเชื่อที่แทบจะทุกบ้านเชื่อและยึดถือมา เนื่องจากคนไทยเรามีความเชื่อเรื่องเทวดาเจ้าที่มาแต่เดิม ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านจึงไม่เป็นเพียงงานบ้านที่พึงกระทำเพื่อความสะอาด แต่อาจเป็นเคล็ด สำหรับคนที่เชื่อเรื่องโชคลางด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วการทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยให้เทวดาคุ้มครองตามความเชื่อเสียทีเดียว แต่จะมีผลทำให้คนในบ้านไม่เจ็บป่วยจากฝุ่นหรือสิ่งสกปรกในบ้านต่างหาก
8. จะก้าวขึ้น – ลงบันได ต้องก้าวทีละขั้น ถ้าก้าวข้ามขั้นจะทำมาหากินไม่ได้?
เป็นความเชื่อที่เกิดจากการเล่นพิเรนทร์ของเด็กๆ ในการเดินขึ้น – ลงบันได ซึ่งเด็กจะมองว่าการเดินข้ามขั้นบันไดเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง แต่ทว่าอุบัติเหตุในบ้านที่เกิดขึ้นจากบันไดมีมากพอๆกับอุบัติเหตุในห้องครัวเลยทีเดียว กุศโลบายนี้จึงใช้เพื่อป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
9. อย่านอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตก เพราะเป็นทิศของคนตาย?
ความเชื่อนี้ จริงๆ แล้วเกิดจากการที่ผนังบ้านฝั่งตะวันตกนั้น เป็นฝั่งที่ได้รับความร้อนจากแสงแดดสะสมมาตลอดทั้งวัน พอตกกลางคืนความร้อนที่สะสมไว้จะคลายออก และส่งผลทำให้คนที่นอนหันศีรษะไปทางทิศนั้นจะปวดหัวและนอนไม่หลับนั่นเอง
10. ของกินที่ตกพื้น เป็นของผี?
หลายคนขณะกินอาหารอยู่ก็อาจเกิดพลาดทำหล่นพื้นไม่ว่าจะเป็นพื้นดิน หรือพื้นโต๊ะ บางคนก็เลือกจะเก็บมากินต่อด้วยความเสียดาย กุศโลบายนี้จึงหลอกล่อให้คนที่จะหยิบของที่ตกแล้วมากินต่อว่าเป็นการแย่งของผี ซึ่งจริงๆ แล้วการกินอาหารที่เคยตกพื้นจะทำให้ได้รับเชื่อโรคซึ่งอาจเจ็บป่วยได้ในภายหลังต่างหาก
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเชื่อที่เกิดจากกุศโลบายที่คนโบราณใช้ในการอบรมสั่งสอนเด็กๆ แม้ว่าปัจจุบันกุศโลบายเหล่านี้จะไม่สมเหตุสมผล หรือไม่น่าเชื่อถือและคงจะหลอกเด็กไม่ได้อีกแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องเล่าที่น่าขันและชวนให้ขบคิดถึงข้อเท็จจริงและเจตนาที่แฝงอยู่ในกุศโลบายนั้นๆ แล้วคนอื่นๆ ล่ะ เคยได้ยินเรื่องความเชื่อที่เป็นกุศโลบายที่ประหลาดกว่านี้ไหม?